ศูนย์การรักษา ศูนย์การรักษา
ภาพวินิจฉัยและรังสีร่วมรักษา ภาพวินิจฉัยและรังสีร่วมรักษา
ศูนย์ภาพวินิจฉัยและรังสีร่วมรักษา
ประกอบด้วยงานรังสีวินิจฉัย (Diagnostic Radiology) และงานรังสีร่วมรักษา (Intervention Radiology)
![](https://www.chulabhornchannel.com/wp-content/uploads/2023/02/%E0%B8%A8%E0%B8%B9%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%89%E0%B8%B1%E0%B8%A2-Feat.png)
งานรังสีวินิจฉัย
ให้บริการตรวจวินิจฉัยโรคโดยอาศัยเครื่องมือทางรังสีที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูงหลายชนิด ได้แก่ เอ็มอาร์ไอ (Magmatic Resonance Imaging - MRI) เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (Computed Tomography - CT) เอกซเรย์เต้านม (Mammography) คลื่นเสียงความถี่สูง (Ultrasound) และการตรวจพิเศษด้วยเครื่องฟลูออโรสโคป (Fluoroscopy) ซึ่งในการสร้างภาพทางรังสีวินิจฉัยในแต่ละการตรวจจะใช้เครื่องมือที่มีความจำเพาะ ขึ้นกับลักษณะอาการ และวัตถุประสงค์ของการตรวจ และลักษณะทางกายวิภาคของอวัยวะที่ต้องการตรวจ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้รับบริการได้รับการตรวจวินิจฉัยโรคได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง แม่นยำ ปลอดภัย มีประสิทธิภาพตามมาตรฐานสากล
งานรังสีร่วมรักษา
ให้บริการด้านรังสีร่วมรักษา สำหรับการทำหัตถการต่างๆ จะมีการใช้เครื่องมือทางรังสีร่วมในการตรวจรักษาด้วย เพื่อให้การตรวจรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเห็นรอยโรคที่ต้องการตรวจรักษาได้อย่างชัดเจน มีการใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น เครื่องอัลตร้าซาวด์ เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เครื่องฟลูออโรสโคป และเอ็มอาร์ไอ มาใช้เพื่อการนำทางเพื่อเจาะหรือดูดเซลล์เพื่อการตรวจทางเซลล์วิทยา และ/หรือ การตัดชิ้นเนื้อเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา ปัจจุบันหน่วยงานให้บริการการตรวจเอกซเรย์หลอดเลือด (Angiography and Venography) เพื่อตรวจหาความผิดปกติต่างๆ และเพื่อการตรวจรักษามะเร็ง เช่น การตรวจ Transarterial chemoembolization (TACE), Percutaneous Transhepatic Biliary Drainage (PTBD), Percutaneous Drainage (PCD), Percutaneous nephrostomy (PCN), RadioFrequency Ablation (RFA), Ultrasound/CT Guided Biopsy เป็นต้น
ข้อมูลภาพจากการตรวจวินิจฉัย และผลการตรวจทั้งหมดถูกรวบรวมไว้ในระบบสารสนเทศของโรงพยาบาล (PACS) ซึ่งเป็นระบบที่ใช้ในการจัดเก็บรูปภาพทางการแพทย์ (Medical Images) มีระบบจัดการรับส่งข้อมูล ผ่านทางระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โดยข้อมูลภาพจะส่งมาจากเครื่องมือต่างๆ เข้าสู่ระบบสำรองข้อมูล (Storage Server) ตามมาตรฐาน DICOM และสามารถเปิดดูภาพการตรวจรักษาด้วยเครื่องมือต่างๆ ได้หลายจุดพร้อมกัน ทั้งภายในโรงพยาบาลและนอกโรงพยาบาล ทำให้แพทย์ที่ทำการตรวจรักษาผู้ป่วยสามารถนำข้อมูลภาพ และผลการตรวจวินิจฉัยไปวางแผนการรักษาได้อย่างทันท่วงที
![](https://www.chulabhornchannel.com/wp-content/uploads/2023/02/DSC4440-scaled.jpg)
การให้บริการของหน่วยงาน
- การตรวจเอกซเรย์ทั่วไป (Digital Radiography)
- การตรวจเอกซเรย์เคลื่อนที่ (Digital Mobile Radiography)
- การตรวจฟลูออโรสโคปี (Digital Fluoroscopy)
- การตรวจอัลตร้าซาวด์ (Ultrasound)
- การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (Computed Tomography)
- การตรวจเอ็มอาร์ไอ (Magnetic Resonance Imaging)
- การตรวจเอกซเรย์หลอดเลือด (Digital Subtraction Angiography)
- การตรวจความยืดหยุ่นของตับ (Fibro Scan)
- การตรวจเอกซเรย์เต้านม (Digital Mammogram)
คำแนะนำก่อนเข้ารับการตรวจพิเศษต่างๆ
1. เครื่องเอกซเรย์ทั่วไป ระบบดิจิทัล (Digital Radiography)
เครื่องเอกซเรย์ถ่ายภาพรังสีทั่วไประบบดิจิทัล สามารถเอกซเรย์ได้ทุกส่วนของร่างกาย เช่น สมอง กระโหลกศีรษะ ทรวงอก ช่องท้อง สะโพก กระดูกรยางค์ส่วนบนและส่วนล่าง ภาพถ่ายเอกซเรย์จะเป็นภาพดิจิทัล ที่มีความละเอียดสูง สามารถปรับความขาวความดำ ความคมชัด และขยายภาพ เพื่อหารอยโรคได้ตามต้องการ ทำให้แพทย์ที่ทำการตรวจรักษาได้อย่าง ถูกต้อง รวดเร็ว แม่นยำ การสร้างภาพดิจิทัลจะใช้เทคโนโลยีการแปลงสัญญาณภาพของ Flat Panel Detector ที่ให้รายละเอียดของภาพสูง ร่วมกับระบบควบคุมปริมาณรังสี แบบอัตโนมัติ (Automatic exposure control; AEC) เพื่อให้การเอกซเรย์ผู้ป่วยเป็นไปอย่างปลอดภัย ผู้ป่วยได้รับปริมาณรังสีที่เหมาะสมคุณภาพของภาพเหมาะสมสำหรับการวินิจฉัยโรคต่อไป
![](https://www.chulabhornchannel.com/wp-content/uploads/2023/02/DSC4381-scaled.jpg)
2. เครื่องฟลูออโรสโคป ระบบดิจิทัล (Digital Fluoroscopy)
เป็นเครื่องเอกซเรย์สำหรับการตรวจพิเศษทางรังสี เป็นการถ่ายภาพเอกซเรย์ร่วมกับการใช้สารทึบรังสี โดยใช้ระบบควบคุมการทำงานจากระยะไกล (Remote control) จากห้องควบคุม โดยสามารถแสดงภาพการตรวจในระบบดิจิทัล ที่มีความละเอียดสูง เห็นภาพการตรวจทันทีระหว่างการตรวจแบบ Real Time สามารถบันทึกเป็นภาพนิ่งและเป็นภาพเคลื่อนไหวได้ ทำให้แพทย์ตรวจวินิจฉัยโรคได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ ปัจจุบันใช้เครื่องมือดังกล่าวใช้ในการตรวจพิเศษต่างๆ เช่น การตรวจหลอดอาหาร (Esophagogram) การตรวจกระเพาะอาหาร (Upper GI Study) การตรวจลำไส้เล็ก (GI Follow Through) การตรวจลำไส้ใหญ่ (Barium Enema) การตรวจระบบทางเดินปัสสาวะ (Voiding cystourethrogram - VCUG) เป็นต้น
3. เครื่องตรวจคลื่นเสียงความถี่สูง (Ultrasound)
เป็นการใช้คลื่นเสียงความถี่สูงในการตรวจโดยอาศัยหลักการดูดซับ และสะท้อนของคลื่นเสียงที่แตกต่างกัน ระหว่างอวัยวะแต่ละชนิด และระหว่างเนื้อเยื่อชนิดต่าง ๆ และสะท้อนกลับมายังหัวตรวจ และข้อมูลที่ได้ไปสร้างภาพดิจิทัล การตรวจด้วยเครื่องมือดังกล่าวสามารถเห็นภาพได้ แบบ Real Time และมีความปลอดภัยสูงเนื่องจากเป็นเครื่องมือที่ไม่มีการใช้รังสี ปัจจุบันเครื่องมือดังกล่าวจะใช้สำหรับการตรวจคัดกรองโรคมะเร็ง การตรวจสุขภาพ และการตรวจติดตามโรคหลังการรักษา เช่น การตรวจคัดกรองมะเร็ง การตรวจต่อมไทรอยด์ การตรวจช่องท้องส่วนบน การตรวจช่องท้องส่วนล่าง การตรวจช่องท้องทั้งหมด การตรวจเต้านม และการตรวจระบบหลอดเลือดต่างๆ เป็นต้น
![](https://www.chulabhornchannel.com/wp-content/uploads/2023/02/DSC4402-scaled.jpg)
4. เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (Computed Tomography)
เป็นเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพใช้เทคโนโลยีชั้นสูง โดยมีแหล่งกำเนิดเอกซเรย์เพื่อใช้ในการถ่ายภาพ คือ หลอดเอกซเรย์ 2 หลอด (Dual Source) และมีชุดรับรังสีเพื่อการสร้างภาพ (Detector) 2 ชุด โดยอุปกรณ์ต่างๆ จะหมุนรอบตัวผู้ป่วยขณะทำการตรวจ สามารถเลือกใช้สองหลอดพร้อมกันหรือเลือกใช้เพียงหลอดเดียวได้ ขึ้นกับโปรโตคอลและเทคนิคในการตรวจ การตรวจดังกล่าวเป็นการตรวจพิเศษทางรังสีที่มีความละเอียดสูง ได้ภาพในแนวตัดขวางสามารถเห็นรายละเอียดภายในร่างกายได้อย่างชัดเจน สามารถนำภาพที่ได้ในแนวตัดขวางมาสร้างภาพในแนวต่างๆ ได้ตามต้องการ ปัจจุบันการตรวจด้วยเครื่องมือดังกล่าวจะใช้สำหรับการตรวจหาความผิดปกติภายในร่างกาย การกระจายตัวของเซลล์มะเร็งไปยังอวัยวะอื่นๆ การตรวจติดตามผลการรักษา ซึ่งการตรวจในผู้ป่วยมะเร็งจะต้องมีการฉีดสารทึบรังสีร่วมด้วย นอกจากประสิทธิภาพการถ่ายภาพได้อย่างละเอียดแล้ว ยังสามารถใช้เทคโนโลยีในการสร้างภาพสามมิติ และสร้างภาพเสมือนจริงในการตรวจอวัยวะภายใน เช่น การจำลองการส่องกล้องลำไส้ใหญ่ (Virtual Colonoscopy) ทำให้เห็นภาพเหมือนกับการส่องกล้องตรวจ ช่วยตรวจหาความผิดปกติในลำไส้ได้อย่างแม่นยำ
![](https://www.chulabhornchannel.com/wp-content/uploads/2023/02/DSC4430-scaled.jpg)
5. เครื่องเอ็มอาร์ไอ (Magnetic Resonance Imaging - MRI)
เป็นการตรวจวินิจฉัยโรคด้วยเครื่องสนามแม่เหล็กไฟฟ้าแรงสูง (3 Tesla) ที่มีประสิทธิภาพสูงและใช้เทคโนโลยีชั้นสูง สำหรับตรวจอวัยวะและส่วนต่างๆ ของร่างกาย การตรวจผู้ป่วยจะต้องนอนนิ่งๆ ในสนามแม่เหล็ก การตรวจดังกล่าวไม่มีรังสีมีความปลอดภัยกับผู้ป่วย สามารถตรวจหาความผิดปกติของสมอง กระดูกสันหลัง เต้านม ช่องท้อง รยางค์ (แขนและขา) ข้อต่างๆ และระบบหลอดเลือด โดยการตรวจชนิดนี้จะให้ภาพที่มีรายละเอียดของเนื้อเยื่อชนิดต่าง ๆ ได้ดี สามารถแยกเนื้อเยื่อที่ผิดปกติออกจากเนื้อเยื่อปกติได้ชัดเจน ช่วยให้วางแผนการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
![](https://www.chulabhornchannel.com/wp-content/uploads/2023/02/DSC4288-3-scaled.jpg)
6. เครื่องตรวจเอกซเรย์หลอดเลือด ระบบดิจิทัล (Digital Subtraction Angiography)
เป็นเครื่องเอกซเรย์หลอดเลือดระบบดิจิทัล โดยใช้หลักการฟลูออโรสโคปี มีระบบแปลงสัญญาณภาพแบบ FPD (Flat Panel Detector) สองระนาบ ใช้สำหรับการตรวจทางรังสีวิทยา ระบบหลอดเลือด หัตถการทางรังสีร่วมรักษา และการวิจัยโรค ซึ่งสามารถแสดง วิเคราะห์ และบันทึกภาพรังสีคุณภาพสูง เพื่อใช้ในการตรวจวินิจฉัย และให้การรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
![](https://www.chulabhornchannel.com/wp-content/uploads/2023/03/S__22216773.jpg)
![](https://www.chulabhornchannel.com/wp-content/uploads/2023/03/S__22216775.jpg)
7. เครื่องเอกซเรย์เต้านม ระบบดิจิทัล (Digital Mammography)
เป็นการตรวจหาความผิดปกติ ตรวจหารอยโรคบริเวณเต้านม เช่น การตรวจหาจุดหินปูน ก้อนเนื้อ ถุงน้ำ หรือต่อมน้ำเหลืองบริเวณเต้านม ซึ่งในการตรวจจะมีการเอกซเรย์เต้านมในท่าต่างๆ เพื่อให้เห็นเนื้อเยื่อเต้านมหรือรอยโรคต่างๆ ได้อย่างชัดเจน โดยทั่วไปการตรวจเอกซเรย์เต้านมจะมีการตรวจอัลตร้าซาวด์เต้านมร่วมด้วย
![](https://www.chulabhornchannel.com/wp-content/uploads/2023/02/DSC4408-scaled.jpg)
8. การตรวจความยืดหยุ่นของตับ (Fibro Scan)
เป็นเครื่องมือที่ใช้ตรวจความยืดหยุ่นของตับ ตรวจวิเคราะห์ปริมาณไขมันสะสมในตับ ภาวะตับแข็ง ตรวจดูความยืดหยุ่นของตับ โดยเนื้อตับปกติจะมีลักษณะนิ่ม แต่ถ้ามีพังผืดมากหรือแข็งมาก เนื้อตับก็จะแน่นมากกว่าปกติ ปัจจุบันเครื่องมือดังกล่าวถูกนำมาใช้ประเมินสภาพความแข็งของเนื้อตับ เพื่อทดแทนการเจาะชิ้นเนื้อตับ ลดอัตราการแทรกซ้อนของการเจาะตับได้ และสามารถใช้ตรวจติดตามภาวะตับแข็งได้ตามต้องการ
คำแนะนำสำหรับการเตรียมตัวก่อนการตรวจ
คำแนะนำสำหรับการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์(Computed Tomography, CT)
การเตรียมตัวตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง (CT Brain)
• เป็นการตรวจวินิจฉัยความผิดปกติของสมอง เพื่อดูพยาธิสภาพในกะโหลกศีรษะเมื่อได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ, ตรวจดูเนื้องอก, ฝี, โรคหลอดเลือดในสมอง ตรวจดูการแพร่กระจายของมะเร็งมายังสมอง หาความผิดปกติที่มีมาแต่กำเนิด ซึ่งบางครั้งอาจฉีดสารทึบรังสีร่วมในการตรวจด้วย
• กรณีฉีดสารทึบรังสี (Contrast media) ผู้ป่วยจะต้องงดน้ำและอาหารอย่างน้อย 6 ชั่วโมง ก่อนทำการตรวจ ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานให้งดยาเบาหวานในมื้อนั้น ๆ ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวอื่น เช่น โรคหัวใจ หรือ ความดันโลหิตสูง ให้ทานยาได้ตามปกติแต่ทานน้ำตามในปริมาณน้อย (ไม่เกิน 30 มล.)
• ขณะทำการตรวจผู้ป่วยจะต้องปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ ผู้ป่วยจะต้องนอนนิ่งๆ ไม่ขยับ ไม่กลืนน้ำลาย เพื่อให้ภาพที่ได้มีความคมชัดมากที่สุด
• ขณะทำการฉีดสารทึบรังสี ผู้ป่วยอาจมีอาการร้อนวูบวาบตามตัว เป็นอาการที่พบได้ ภายหลังจากการฉีดสารทึบรังสีจะมีเจ้าหน้าที่คอยสังเกตอาการภายในห้องตรวจ หากเกิดอาการผิดปกติอย่างอื่นให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทราบทันที
• ภายหลังจากการตรวจที่มีการฉีดสารทึบรังสีเข้าสู่ร่างกาย หากไม่มีข้อห้าม(เช่นผู้ป่วยโรคไต หรือหัวใจวายเรื้อรัง) ให้ทานน้ำให้ได้อย่างน้อย 2 ลิตรภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อช่วยในการขับสารทึบรังสีออกจากร่างกาย
การเตรียมตัวตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ศีรษะ/ลำคอ (CT Head / Neck)
• เป็นการตรวจวินิจฉัยความผิดปกติหรือรอยโรคบริเวณศีรษะและลำคอ โพรงไซนัส โพรงจมูก ต่อมน้ำเหลือง ของผู้ป่วยมะเร็งต่าง ๆ ซึ่งบางครั้งอาจฉีดสารทึบรังสีร่วมในการตรวจด้วย
• กรณีฉีดสารทึบรังสี (Contrast media) ผู้ป่วยจะต้องงดน้ำและอาหารอย่างน้อย 6 ชั่วโมง ก่อนทำการตรวจ ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานให้งดยาเบาหวานในมื้อนั้น ๆ ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวอื่น เช่น โรคหัวใจ หรือ ความดันโลหิตสูง ให้ทานยาได้ตามปกติแต่ทานน้ำตามในปริมาณน้อย (ไม่เกิน 30 มล.)
• ขณะทำการตรวจผู้ป่วยจะต้องปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ ผู้ป่วยจะต้องนอนนิ่งๆ ไม่ขยับ ไม่กลืนน้ำลายขณะทำการสแกน เพื่อให้ภาพที่ได้มีความคมชัดมากที่สุด
• บางรายการตรวจผู้ป่วยจะต้องออกเสียง / เป่าปากแก้มป่อง ขณะทำการตรวจสแกน
• ขณะทำการฉีดสารทึบรังสี ผู้ป่วยอาจมีอาการร้อนวูบวาบตามตัว เป็นอาการที่พบได้ ภายหลังจากการฉีดสารทึบรังสีจะมีเจ้าหน้าที่คอยสังเกตอาการภายในห้องตรวจ หากเกิดอาการผิดปกติอย่างอื่นให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทราบทันที
• ภายหลังจากการตรวจที่มีการฉีดสารทึบรังสีเข้าสู่ร่างกาย หากไม่มีข้อห้าม(เช่นผู้ป่วยโรคไต หรือหัวใจวายเรื้อรัง) ให้ทานน้ำให้ได้อย่างน้อย 2 ลิตรภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อช่วยในการขับสารทึบรังสีออกจากร่างกาย
การเตรียมตัวตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์กระดูกสันหลัง (CT Spine)
• เป็นการตรวจวินิจฉัยความผิดปกติหรือรอยโรคบริเวณกระดูกสันหลัง ตรวจหาความผิดปกติแต่กำเนิด เนื้องอก หรือตรวจหาความผิดปกติจากอุบัติเหตุ หรือดูการแพร่กระจายของผู้ป่วยมะเร็งต่างๆ ซึ่งบางกรณีอาจมีการฉีดสารทึบรังสีร่วมด้วย
• กรณีฉีดสารทึบรังสี (Contrast media) ผู้ป่วยจะต้องงดน้ำและอาหารอย่างน้อย 6 ชั่วโมง ก่อนทำการตรวจ ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานให้งดยาเบาหวานในมื้อนั้น ๆ ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวอื่น เช่น โรคหัวใจ หรือ ความดันโลหิตสูง ให้ทานยาได้ตามปกติแต่ทานน้ำตามในปริมาณน้อย (ไม่เกิน 30 มล.)
• ขณะทำการตรวจผู้ป่วยจะต้องปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ ผู้ป่วยจะต้องนอนนิ่งๆ ไม่ขยับ เพื่อให้ภาพที่ได้มีความคมชัด
• ขณะทำการฉีดสารทึบรังสี ผู้ป่วยอาจมีอาการร้อนวูบวาบตามตัว เป็นอาการที่พบได้ ภายหลังจากการฉีดสารทึบรังสีจะมีเจ้าหน้าที่คอยสังเกตอาการภายในห้องตรวจ หากเกิดอาการผิดปกติอย่างอื่นให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทราบทันที
• ภายหลังจากการตรวจที่มีการฉีดสารทึบรังสีเข้าสู่ร่างกาย หากไม่มีข้อห้าม เช่น ผู้ป่วยโรคไต หรือหัวใจวายเรื้อรัง ให้ทานน้ำให้ได้อย่างน้อย 2 ลิตรภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อช่วยในการขับสารทึบรังสีออกจากร่างกาย
การเตรียมตัวตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ทรวงอก (CT Chest / Thorax)
• เป็นการตรวจเพื่อดูความผิดปกติ หรือรอยโรคของอวัยวะในทรวงอก เช่น มะเร็งปอด เนื้องอกในผนังทรวงอก การแพร่กระจายของมะเร็งมาที่ปอด ภาวะถุงลมโป่งพอง ภาวะที่ช่องปอดมีหนองและน้ำ ดูความผิดปกติของต่อมน้ำเหลือง และถุงลมในปอดซึ่งสามารถเห็นได้ชัดเจนกว่าการเอกซเรย์ปกติ ส่วนใหญ่จะฉีดสารทึบรังสีร่วมในการตรวจด้วย
• กรณีฉีดสารทึบรังสี (Contrast media) ผู้ป่วยจะต้องงดน้ำและอาหารอย่างน้อย 6 ชั่วโมง ก่อนทำการตรวจ ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานให้งดยาเบาหวานในมื้อนั้น ๆ ด้วย ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวอื่น เช่น โรคหัวใจ หรือ ความดันโลหิตสูง ให้ทานยาได้ตามปกติแต่ทานน้ำตามในปริมาณน้อย (ไม่เกิน 30 มล.)
• ขณะทำการตรวจผู้ป่วยจะต้องปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ ผู้ป่วยจะต้องนอนนิ่งๆ ไม่ขยับ เพื่อให้ภาพที่ได้มีความคมชัด ขณะทำการตรวจจะมีเสียงบอกหายใจเข้าแล้วกลั้นหายใจให้ผู้ป่วยปฏิบัติตามโดยเคร่งครัด
• หากมีการฉีดสารทึบแสบ ขณะที่อยู่บนเตียงตรวจ ทันทีที่ฉีดสารทึบรังสี ผู้ป่วยอาจมีอาการร้อนวูบวาบตามตัว เป็นอาการที่พบได้ แต่หากเกิดอาการผิดปกติอย่างอื่นให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทราบทันที
• หากได้รับการฉีดสารทึบแสง หากไม่มีข้อห้าม (เช่นผู้ป่วยโรคไต หรือหัวใจวายเรื้อรัง) หลังการตรวจให้ทานน้ำให้ได้อย่างน้อย 2 ลิตรใน 24 ชั่วโมงเพื่อช่วยในการขับสารทึบรังสีออก
การเตรียมตัวตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ส่วนรยางค์ (แขนและขา) (CT Extremity)
• เป็นการตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ความเร็วสูงเพื่อตรวจวินิจฉัย ตรวจดูพยาธิสภาพที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยในส่วนต่างๆ เช่น การตรวจหามะเร็งระยะเริ่มแรก การอักเสบ หรือการกระจายตัวของเซลล์มะเร็งไปยังอวัยวะอื่น ๆ ซึ่งการตรวจในผู้ป่วยมะเร็งจะต้องมีการฉีดสารทึบรังสีร่วมด้วย
• กรณีฉีดสารทึบรังสี (Contrast media) ผู้ป่วยจะต้องงดน้ำและอาหารอย่างน้อย 6 ชั่วโมง ก่อนทำการตรวจ ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานให้งดยาเบาหวานในมื้อนั้น ๆ ด้วย ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวอื่น เช่น โรคหัวใจ หรือ ความดันโลหิตสูง ให้ทานยาได้ตามปกติแต่ทานน้ำตามในปริมาณน้อย (ไม่เกิน 30 มล.)
• ก่อนทำการตรวจเจ้าหน้าที่จะจัดท่าที่เหมาะสมสำหรับการตรวจ หาผู้ป่วยมีข้อจำกัดในการขยับร่างกายหรือมีอาการบาดเจ็บของรยางค์ให้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่
• ขณะทำการตรวจผู้ป่วยจะต้องปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ ผู้ป่วยจะต้องนอนนิ่งๆ ไม่ขยับ เพื่อให้ภาพที่ได้มีความคมชัด
• หากมีการฉีดสารทึบแสบ ขณะที่อยู่บนเตียงตรวจ ทันทีที่ฉีดสารทึบรังสี ผู้ป่วยอาจมีอาการร้อนวูบวาบตามตัว เป็นอาการที่พบได้ แต่หากเกิดอาการผิดปกติอย่างอื่นให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทราบทันที
• หากได้รับการฉีดสารทึบแสง หากไม่มีข้อห้าม(เช่นผู้ป่วยโรคไต หรือหัวใจวายเรื้อรัง) หลังการตรวจให้ทานน้ำให้ได้อย่างน้อย 2 ลิตรใน 24 ชั่วโมงเพื่อช่วยในการขับสารทึบรังสีออก
การเตรียมตัวตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ช่องท้อง (CT Abdomen)
• เป็นการตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ความเร็วสูงเพื่อตรวจวินิจฉัย ตรวจดูพยาธิสภาพที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยในส่วนต่างๆ เช่น การตรวจหามะเร็งระยะเริ่มแรก การอักเสบ หรือการกระจายตัวของเซลล์มะเร็งไปยังอวัยวะอื่น ๆ ซึ่งการตรวจในผู้ป่วยมะเร็งจะต้องมีการฉีดสารทึบรังสีร่วมด้วย
• กรณีฉีดสารทึบรังสี (Contrast media) ผู้ป่วยจะต้องงดน้ำและอาหาร อย่างน้อย 6 ชั่วโมง ก่อนทำการตรวจ ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานให้งดยาเบาหวานในมื้อนั้น ๆ ด้วย ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวอื่น เช่น โรคหัวใจ หรือ ความดันโลหิตสูง ให้ทานยาได้ตามปกติแต่ทานน้ำตามในปริมาณน้อย (ไม่เกิน 30 มล.)
• ขณะทำการตรวจผู้ป่วยจะต้องปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ ผู้ป่วยจะต้องนอนนิ่งๆ ไม่ขยับ เพื่อให้ภาพที่ได้มีความคมชัด ขณะทำการตรวจจะมีเสียงบอกหายใจเข้าแล้วกลั้นใจนิ่ง ผู้ป่วยจะต้องปฏิบัติตามโดยเคร่งครัด
• หากมีการฉีดสารทึบแสบ ขณะที่อยู่บนเตียงตรวจ ทันทีที่ฉีดสารทึบรังสี ผู้ป่วยอาจมีอาการร้อนวูบวาบตามตัว เป็นอาการที่พบได้ แต่หากเกิดอาการผิดปกติอย่างอื่นให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทราบทันที
• กรณีตรวจช่องท้องส่วนบน ผู้ป่วยจะต้องทานน้ำ 3 แก้ว ก่อนการตรวจ ส่วนการตรวจเอกซเรย์ช่องท้องส่วนล่างหรือช่องท้องทั้งหมด อาจจะได้รับการสวนน้ำเปล่าหรือน้ำผสมสารทึบแสงเข้าทางทวารหนักเพื่อทำให้ภาพการตรวจเหมาะสมกับการแปลผล หากผู้ป่วยต้องจำกัดน้ำ หรือมีปัญหาเรื่องการกลั้นอุจจาระ หรือมีแผล/อาการบาดเจ็บที่ทวารหนัก กรุณาแจ้งเจ้าหน้าที่
• หากได้รับการฉีดสารทึบแสง หากไม่มีข้อห้าม(เช่นผู้ป่วยโรคไต หรือหัวใจวายเรื้อรัง) หลังการตรวจให้ทานน้ำให้ได้อย่างน้อย 2 ลิตรใน 24 ชั่วโมงเพื่อช่วยในการขับสารทึบรังสีออก
คำแนะนำสำหรับการตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Magnetic Resonance Imaging, MRI)
การเตรียมตัวตรวจเอ็มอาร์ไอ
• การตรวจเอ็มอาร์ไอ เป็นการตรวจวินิจฉัยโรคโดยอาศัยหลักการของสนามแม่เหล็กไฟฟ้าแรงสูงและคลื่นวิทยุ ซึ่งในการตรวจจะมีการส่งคลื่นวิทยุที่ความถี่ต่างๆ ไปกระตุ้นและหยุดกระตุ้นเป็นระยะๆ ภายหลังจากหยุดกระตุ้นจะมีการส่งสัญญาณกลับมายังอุปกรณ์รับสัญญาณภาพ (coil) เพื่อนำมาสร้างเป็นภาพเพื่อทำการวินิจฉัยโรคต่อไป
• ในแต่ละรายการตรวจจะมีการใส่อุปกรณ์รับสัญญาณภาพซึ่งจะมีลักษณะที่แตกต่างไป ขึ้นกับส่วนที่ต้องการตรวจเช่น การตรวจระบบสมอง จะมีอุปกรณ์รับสัญญาณภาพครอบอยู่บริเวณศีรษะ กรณีตรวจกระดูกสันหลัง อุปกรณ์รับภาพจะวางอยู่ด้านหลังผู้ป่วย กรณีตรวจช่องท้องจะมีอุปกรณ์รับภาพวางบริเวณลำตัวผู้ป่วย เป็นต้น
• ผู้ป่วยที่เคยผ่าตัดใส่โลหะหรือวัสดุอื่นๆ ในร่างกาย มีเศษโลหะในลูกตา ใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ หรือมีอุปกรณ์ทางการแพทย์อื่นๆ ในร่างกาย กลัวที่แคบอย่างรุนแรง กรุณาแจ้งแพทย์ผู้ส่งตรวจ เพื่อประเมินการในเบื้องต้น ก่อนเข้ารับบริการ หากไม่สามารถเข้าตรวจได้จะต้องเปลี่ยนเครื่องที่ใช้ในการตรวจวินิจฉัยต่อไป และขณะทำการซักประวัติก่อนเข้าห้องตรวจทุกครั้ง และในวันที่เข้ารับการตรวจผู้ป่วยจะต้องแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อรับทราบต่อไป
• ขณะทำการตรวจผู้ป่วยจะต้องนอนในเครื่อง รูปร่างคล้ายอุโมงค์ ผู้ป่วยจะต้องนอนนิ่งๆ ขณะเก็บสัญญาณภาพเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 30 นาที - 1 ชั่วโมง ขึ้นกับรายการตรวจ ผู้ป่วยจะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด ในบางรายการตรวจผู้ป่วยจะต้องมีการกลั้นหายใจเป็นระยะๆ เพื่อให้ได้ภาพที่มีความคมชัด
• ไม่จำเป็นต้องงดน้ำและอาหาร สามารถทานยาโรคประจำตัวได้ตามปกติ ยกเว้น การตรวจดูความผิดปกติบริเวณถุงน้ำดี (MRCP) จะต้องงดน้ำและอาหารอย่างน้อย 6 ชั่วโมงก่อนการตรวจ
คำแนะนำสำหรับการตรวจอัลตร้าซาวด์ (Ultrasound, US)
การเตรียมตัวส่วนลำคอและอวัยวะส่วนอื่นๆ (US.Neck / Thyroid and Other)
• เป็นการตรวจพิเศษโดยใช้คลื่นเสียงความถี่สูง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจหาความผิดปกติของอวัยวะภายในร่างกาย โดยอาศัยหลักการสะท้อนกลับของคลื่นเสียงที่ส่งไปยังผู้ป่วย การตรวจด้วยอัลตร้าซาวด์จะมีความปลอดภัยเนื่องจากเป็นการตรวจพิเศษที่ไม่มีการใช้รังสี
• ผู้ป่วยไม่ต้องงดน้ำและอาหาร สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ หากมีโรคประจำตัวให้ทานยาได้ตามปกติ
• ระหว่างการตรวจอาจผู้ป่วยจะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ เพื่อให้ได้ภาพที่มีคมชัด เหมาะสำหรับการวินิจฉัยโรค
การเตรียมตัวตรวจช่องท้องส่วนบน (US.Upper Abdomen)
• เป็นการตรวจพิเศษโดยใช้คลื่นเสียงความถี่สูง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจหาความผิดปกติของอวัยวะภายในร่างกาย โดยอาศัยหลักการสะท้อนกลับของคลื่นเสียงที่ส่งไปยังผู้ป่วย การตรวจด้วยอัลตร้าซาวด์จะมีความปลอดภัยเนื่องจากเป็นการตรวจพิเศษที่ไม่มีการใช้รังสี
• ผู้ป่วยจะต้องงดน้ำและอาหารอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมง ก่อนทำการตรวจ ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานให้งดยาเบาหวานในมื้อนั้น ๆ ด้วย ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวอื่น เช่น โรคหัวใจ หรือ ความดันโลหิตสูง ให้ทานยาได้ตามปกติแต่ทานน้ำตามในปริมาณน้อย
• ระหว่างการตรวจผู้ป่วยจะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ โดยจะให้ผู้ป่วยหายใจเข้า/ออก หรือ กลั้นหายในเป็นครั้ง ๆ เพื่อให้ได้ภาพการตรวจที่มีคุณภาพและแปลผลได้แม่นยำ หากผู้ป่วยมีปัญหาเรื่องการฟังหรือกลั้นหายใจอาจจะจำเป็นต้องมีญาติช่วยเหลือขณะทำการตรวจ หรือเปลี่ยนชนิดการตรวจ ระหว่างการตรวจอาจต้องมีการพลิกตะแคงตัว หรือลุกนั่ง
การเตรียมตัวตรวจช่องท้องทั้งหมด (US.Whole Abdomen)
• เป็นการตรวจพิเศษโดยใช้คลื่นเสียงความถี่สูง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจหาความผิดปกติของอวัยวะภายในร่างกาย โดยอาศัยหลักการสะท้อนกลับของคลื่นเสียงที่ส่งไปยังผู้ป่วย การตรวจด้วยอัลตร้าซาวด์จะมีความปลอดภัยเนื่องจากเป็นการตรวจพิเศษที่ไม่มีการใช้รังสี
• ผู้ป่วยจะต้องงดน้ำและอาหารอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมง ก่อนทำการตรวจ ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานให้งดยาเบาหวานในมื้อนั้น ๆ ด้วย ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวอื่น เช่น โรคหัวใจ หรือ ความดันโลหิตสูง ให้ทานยาได้ตามปกติแต่ทานน้ำตามในปริมาณน้อย
• การตรวจจำเป็นต้องให้มีปัสสาวะในกระเพาะปัสสาวะด้วย ดังนั้นผู้ป่วยจะต้องกลั้นปัสสาวะขณะรอเข้าตรวจ เจ้าหน้าที่ประจำห้องตรวจอาจให้ผู้ป่วยดื่มน้ำเพิ่มในบางกรณี
• ระหว่างการตรวจผู้ป่วยจะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ โดยจะให้ผู้ป่วยหายใจเข้า/ออก หรือ กลั้นหายในเป็นครั้ง ๆ เพื่อให้ได้ภาพการตรวจที่มีคุณภาพและแปลผลได้แม่นยำ หากผู้ป่วยมีปัญหาเรื่องการฟังหรือกลั้นหายใจอาจจะจำเป็นต้องมีญาติช่วยเหลือขณะทำการตรวจ หรือเปลี่ยนชนิดการตรวจ ระหว่างการตรวจอาจต้องมีการพลิกตะแคงตัว หรือลุกนั่ง
การเตรียมตัวตรวจระบบทางเดินปัสสาวะและช่องท้องส่วนล่าง(US KUB System and Lower Abdomen)
• เป็นการตรวจพิเศษโดยใช้คลื่นเสียงความถี่สูง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจหาความผิดปกติของอวัยวะภายในร่างกาย โดยอาศัยหลักการสะท้อนกลับของคลื่นเสียงที่ส่งไปยังผู้ป่วย การตรวจด้วยเครื่องอัลตร้าซาวด์จะมีความปลอดภัยสูง เนื่องจากเป็นการตรวจพิเศษที่ไม่มีการใช้รังสี
• ผู้ป่วยไม่ต้องงดน้ำและอาหาร สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ หากมีโรคประจำตัวให้ทานยาได้ตามปกติ
• การตรวจจำเป็นต้องให้มีปัสสาวะในกระเพาะปัสสาวะด้วย ดังนั้นผู้ป่วยจะต้องกลั้นปัสสาวะขณะรอเข้าตรวจ เจ้าหน้าที่ประจำห้องตรวจอาจให้ผู้ป่วยดื่มน้ำเพิ่มในบางกรณี
• ระหว่างการตรวจผู้ป่วยจะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ โดยจะให้ผู้ป่วยหายใจเข้า/ออก หรือ กลั้นหายในเป็นครั้ง ๆ เพื่อให้ได้ภาพการตรวจที่มีคุณภาพและแปลผลได้แม่นยำ หากผู้ป่วยมีปัญหาเรื่องการฟังหรือกลั้นหายใจอาจจะจำเป็นต้องมีญาติช่วยเหลือขณะทำการตรวจ หรือเปลี่ยนชนิดการตรวจ ระหว่างการตรวจอาจต้องมีการพลิกตะแคงตัว หรือลุกนั่ง
คำแนะนำสำหรับการตรวจเอกซเรย์เต้านม / อัลตร้าซาวด์เต้านม (Mammogram and Ultrasound Breast, MG/US)
• การตรวจเอกซเรย์เต้านม เป็นการตรวจเพื่อหาความผิดปกติ เช่น จุดหินปูนในเต้านม ก้อนในเต้านม ต่อมน้ำเหลืองบริเวณเต้านม เป็นต้น โดยการตรวจจะมีการดึงเต้านมและมีการบีบเต้านมทั้งสองข้าง เพื่อให้เนื้อเยื่อเต้านมแผ่เหมาะสมสำหรับการเอกเรย์ เพื่อให้ได้ภาพที่มีความชัดเจน ซึ่งโดยทั่วไปการตรวจจะทำอัลตร้าซาวด์เต้านมร่วมด้วย
• ผู้ป่วยไม่ต้องงดน้ำและอาหาร สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ
• งดทาแป้ง เครื่องสำอาง โรลออน ครีม หรือสิ่งอื่นใด บริเวณเต้านม และ รักแร้ทั้งสองข้าง
• ผู้ป่วยจะต้องแจ้งเจ้าหน้าที่หรือรังสีแพทย์ทุกครั้ง ถ้าเคยผ่าตัดหรือเคยเจาะตรวจชิ้นเนื้อเต้านมมาก่อน หรือคลำก้อนได้ที่เต้านม
Contact
Phone:
0 2576 6298-99
1118 กด 5041-42
LINE:
Service Hours
จันทร์ - อาทิตย์
ตลอด 24 ชั่วโมง
Location
ภาพวินิจฉัยและรังสีร่วมรักษา
ชั้น 1 โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ขนาด 400 เตียง
ชั้น 4 ตึกศูนย์การแพทย์มะเร็งวิทยาจุฬาภรณ์ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์
เลขที่ 906 ถนนกำแพงเพชร6 แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร 10210