ศูนย์การรักษา ศูนย์การรักษา
รังสีรักษามะเร็งวิทยา Radiation Oncology Department
บริการการรักษาที่ครบวงจร
- ตรวจดูแลผู้ป่วยที่มารับการรักษาโดยการฉายรังสี
- บริการฉายรังสีทั้งผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก
- บริการการฉายรังสีระยะใกล้ เช่น การใส่แร่ในผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูก เป็นต้น
- บริการให้ความรู้และคำแนะนำ รวมถึงการให้คำปรึกษาแก่ผู้ป่วยและญาติ ในการดูแลผู้ป่วยที่มารับการรักษาโดยการฉายรังสี ทั้ง ก่อน ระหว่าง และหลังการฉายรังสี โดยดูแลทั้งด้านร่างกายจิตใจ และอารมณ์
การรักษาด้วยรังสี แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ
1. รังสีรักษาระยะไกล (external beam radiation therapy) หรือที่เรียกว่าการฉายรังสีจากภายนอก โดยลำรังสีพลังงานสูงจากเครื่องเร่งอนุภาคมุ่งเข้าไปทำลายเซลล์มะเร็งภายในร่างกาย โดยมุ่งให้ปริมาณรังสีสูงสุดที่เซลล์มะเร็ง และเนื้อเยื่อปกติได้รับรังสีน้อยที่สุด
2. รังสีระยะใกล้ (brachytherapy) หรือที่เรียกว่าการใส่แร่ คือ การนำเม็ดแร่รังสีเข้าไปภายในร่างกายของผู้ป่วย ซึ่งต้นกำเนิดรังสีจะอยู่ใกล้กับบริเวณที่จะทำการรักษาโดยตรง เช่น มะเร็งปากมดลูก เมื่อได้ปริมาณรังสีตามแผนการรักษา จะนำเม็ดแร่และเครื่องมือออก เม็ดแร่ที่ใช้ในปัจจุบันคือ แร่อิริเดียม - 192 การรักษาโดยเทคนิคนี้ ผู้ป่วยจะได้รับการรักษาเป็นผู้ป่วยนอก ไม่ต้องพักค้างในโรงพยาบาล
เครื่องมือทางรังสีของแผนกรังสีรักษา โรงพยาบาลจุฬาภรณ์นั้น ประกอบไปด้วย
- ลดปริมาณรังสีต่ออวัยวะข้างเคียง ด้วยเทคโนโลยีวัตถุกำบังรังสี (Multileaf Collimator) แบบ 2 ชั้น (Dual Layer)
- ตรวจสอบตำแหน่งก่อนการฉายรังสี ด้วยเทคโนโลยีภาพ 3 มิติ แบบ Iterative cone beam CT ให้ภาพละเอียด ชัดเจน ช่วยให้การรักษาแม่นยำ ลดความคลาดเคลื่อนในการฉายรังสี
- เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) ช่วยแพทย์ปรับแผนการฉายรังสีให้เข้ากับก้อนมะเร็งที่เปลี่ยนแปลงในระหว่างการรักษา
- ลดระยะเวลาในการฉายรังสี ด้วยหัวฉายรังสีที่หมุนได้เร็วขึ้น
- เพิ่มความสะดวกในการขึ้น-ลง ด้วยเตียงที่ปรับระดับตามความเหมาะสมของผู้ป่วยแต่ละราย
ข้อควรรู้เกี่ยวกับรังสีรักษา
รังสีรักษาคืออะไร
รังสีรักษา เป็นการรักษาโรคโดยใช้รังสี โดยมีหลักสำคัญคือการใช้ปริมาณรังสีให้มากพอที่จะทำลายเนื้องอกได้หมด ในขณะเดียวกันจะมีการคำนึงถึงผลต่ออวัยวะอื่น ๆ ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงให้ปลอดภัยจากผลข้างเคียง ดังนั้นในการใช้รังสีรักษาเพื่อรักษามะเร็งนั้น จึงต้องมีการวางแผน การรักษาที่เหมาะสมร่วมกับการให้คำแนะนำผู้ป่วยและญาติ และมีการติดตามการตรวจรักษาผู้ป่วยเป็นระยะ
การใช้รังสีรักษาเพื่อการรักษาโรค เป็นวิธีที่มีมานาน แต่ยังขาดความเข้าใจสำหรับประชาชนทั่วไป ซึ่งมักจะคิดว่าเป็นการใช้เพื่อการรักษาโรคมะเร็งได้เพียงอย่างเดียว ในความเป็นจริงแล้ว การใช้รังสีสามารถนำมารักษาโรคทั้งที่เป็นมะเร็งและไม่ใช่มะเร็ง
รังสีจะทำลายเซลล์ที่เจริญเติบโตเร็ว ดังนั้นเซลล์มะเร็งที่เติบโตเร็วจึงถูกทำลายได้ง่าย ในขณะที่เซลล์อวัยวะปกติของร่างกายจะถูกทำลายต่อรังสีน้อยกว่า เซลล์ปกติของมนุษย์มีความสามารถในการซ่อมแซมตนเองได้ดีกว่าเซลล์มะเร็ง จึงสามารถกลับสู่สภาวะปกติได้ดีหลังจากได้รับรังสี นอกจากนี้แพทย์ทางรังสีรักษามีเครื่องมือและวิธีการ เพื่อทำให้ลำรังสีเข้าถึงบริเวณที่เป็นก้อนมะเร็งได้อย่างถูกต้องแม่นยำ และทำอันตรายต่อเนื้อเยื่อปกติน้อยที่สุด
การใช้รังสีทางการแพทย์มีความเสี่ยงหรือไม่
ความเสี่ยงขึ้นอยู่กับปริมาณรังสีที่ใช้ ดังนั้นการใช้รังสีในปริมาณที่พอเหมาะโดยอาศัยองค์ความรู้และประสบการณ์ของรังสีแพทย์จะช่วยให้ใช้ประโยชน์จากรังสีได้สูงสุดและลดความเสี่ยงลงได้
การฉายรังสีเป็นอันตรายต่อร่างกายหรือผู้อยู่ใกล้ชิดหรือไม่
- การฉายรังสีไม่เจ็บ ผู้ป่วยรู้สึกเหมือนการเอกซเรย์ธรรมดา
- เมื่อออกจากห้งอฉายรังสีแล้วจะไม่มีรังสีเหลืออยู่ในร่างกาย ผู้ป่วยสามารถอยู่ใกล้ชิดผู้อื่นได้ตามปกติ การฉายรังสีโดยทั่วไปต้องมีการแบ่งฉายหลายครั้ง เพื่อลดการเกิดผลข้างเคียงต่ออวัยวะปกติ
การฉายรังสีใช้เวลานานเท่าไหร่
การฉายรังสีโดยทั่วไป ฉาย 5 ครั้งต่อสัปดาห์ วันละ 1 ครั้ง ใช้เวลารวมทั้งหมดประมาณ 4-6 สัปดาห์ แตกต่างกันไปบ้างในผู้ป่วยแต่ละราย ดังนั้นรายละอียดควรสอบถามจากแพทย์ที่ทำการรักษา
การฉายรังสีในแต่ละวัน ใช้ระยะเวลาในห้องฉายรังสีประมาณ 30 นาทีต่อครั้ง ผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล ฉายรังสีแล้วกลับบ้านได้เลยและผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามปกติ
การฉายรังสีทำให้โรคกระจายทั่วร่างกายหรือไม่
การฉายรังสีเพื่อทำล่ายมะเร็งในขอบเขตที่กำหนดไว้ การฉายรังสีเป็นการป้องกันการกระจายของโรค ควบคุมโรคและสามารถทำลายเนื้องอก ช่วยทุเลาอาการเจ็บปวด การฉายรังสีไม่ทำให้มะเร็งกระจาย
การฉายรังสีรักษาโรคให้หายขาดได้จริงหรือไม่
ผู้ป่วยที่เป็นระยะเริ่มแรกสามารถรักษาให้หายขาดได้ มีผู้ป่วยที่รักษาหายแล้วจำนวนมากที่สามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้ตามปกติ ในรายที่ระยะของโรคมากแล้ว แม้ว่ารังสีไม่อาจรักษาโรคให้หายขาดได้ แต่อาจทุเลาอาการหรือความเจ็บปวดได้
การเตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนการฉายรังสีมีอะไรบ้าง
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น นม ไข่ ปลา เนื้อสัตว์ ผักและผลไม้ ไม่เป็นความจริงที่ว่าการรับประทานอาหารประเภทเนื้อสัตว์ จะทำให้เนื้องอกเจริญเติบโตเร็ว ถึงแม้ว่าผู้ป่วยจึงควรรับประทานอาหารที่ประโยชน์ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงพร้อมรับการรักษา ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมง ดูแลรักษาความสะอาดของร่างกายอยู่เสมอ ออกกำลังกายบ้างตามความเหมาะสม งดสิ่งเสพติด เช่น สุรา บุหรี่ ฯลฯ
ผลข้างเคียงจากการฉายรังสีมีอะไรบ้าง
ผลต่อผิวหนัง ขึ้นอยู่กับปริมาณรังสีและเทคนิคที่ใช้ สีผิวที่เข้มขึ้น ส่วนใหญ่เกิดขึ้นชั่วคราวและจะค่อย ๆ หายไปหลังการฉายรังสีครบ การป้องกันหรือลดผลข้างเคียงต่อผิวหนังทำได้โดยหลีกเลี่ยงการขัดถูหรือระคายเคืองบริเวณผิวหนังส่วนที่มีการฉายรังสี
ผลข้างเคียงต่ออวัยวะอื่น จะเกิดขึ้นเฉพาะบริเวณที่มีการฉายรังสีและขึ้นกับบริเวณที่ฉายและปริมาณรังสี ควรปรึกษาแพทย์ทางรังสีรักษาและพยาบาลที่ดูแลผู้ป่วย
คู่มือการดูแลตนเองภายหลังการฉายรังสีบริเวณช่องปากและลำคอครบตามแผนการรักษา
ผลข้างเคียงของรังสีรักษาที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน ส่วนใหญ่จะหมดไปภายใน 4-6 สัปดาห์ หลังฉายรังสีครบเพราะเซลล์ของอวัยวะต่างๆ มีการซ่อมแซมตัวเองและกลับทำงานได้ตามปกติ สำหรับผลในระยะยาวจะตรวจพบได้ภายหลัง อาจใช้ระยะเวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี หลังสิ้นสุดการรักษาแล้ว โดยจะเกิดเฉพาะอวัยวะหรือบริเวณที่ได้รับรังสี ดังนั้น ในระยะหลังการฉายรังสีจึงมุ่งเน้นเกี่ยวกับการดูแลตนเองเพื่อให้ร่างกายฟื้นคืนสู่สภาพปกติโดยเร็ว และลดอาการข้างเคียงในระยะยาวที่อาจเกิดขึ้นได้ รวมทั้งการสังเกตอาการผิดปกติที่ควรรีบมาพบแพทย์
ข้อแนะนำการปฏิบัติตัวทั่วไป
1. การับประทานอาหารและน้ำ ควรรับประทานอาหารที่มีแคลอรี่สูงและดื่มน้ำมากๆ อย่างน้อย 2-3 ลิตรต่อวัน
2. ควรพักผ่อนอย่างเพียงพอ เพื่อให้ร่างกายฟื้นคืนสภาพโดยเร็ว
3. การดูแลผิวหนัง ผิวหนังบริเวณที่เคยได้รับการฉายรังสีจะยังอ่อนแอหรือหลุดลอกได้ ดังนั้นให้ดูแลผิวหนังเช่นเดียวกับเมื่อเวลาฉายรังสีต่อไปอีกประมาณ 1 เดือน หลังจากนั้นควรใช้ครีมหรือโลชั่นนวดในบริเวณที่ฉายรังสีเพื่อเพิ่มการไหลเวียนและป้องกันการยืดติดของเนื้อเยื่อในบริเวณนั้นๆ ควรทำเป็นประจำและต่อเนื่องตลอดไป
4. ควรออกกำลังกายบ้างแต่พอควร เช่น เดินเล่น ทำงานบ้านที่ไม่ต้องออกแรงมากนัก เป็นต้
5. ควรอยู่ในสถานที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวกไม่ควรอยู่ในถานที่แออัด
6. ควรมาตรวจตามนัดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อติดตามอาการและประเมินผลการรักษา
การออกกำลังกาย
สำหรับผู้ป่วยที่ฉายรังสีบริเวณช่องปากและลำคอเมื่อผู้ป่วยได้รับการฉายรังสีครบตามแผนการรักษาแล้ว ควรแนะนำการบริหารร่างกาย โดยให้ผู้ป่วยฝึกบริหารเมื่อกลับบ้าน เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน ได้แก่ ปากแคบ ขาดกรรมไกรยึด และป้องกันการเกิดเนื้อเยื่อพังผืดมายึดบริหารลำคอ
การบริหารปากและขากรรมไกร
อ้าปากกว้างๆ และหุบปาก ประมาณ 20 ครั้ง หรือ อมท่อพลาสติกหรือจุกไม้ก๊อกที่สะอาดครั้งละ 1 นาที อย่างน้อย 5 ครั้ง ท่อพลาสติกหรือจุกไม้ก๊อก ควรมีขนาดใหญ่ ให้อ้าปากกว้าง ๆ ได้เต็มที่ และควรเพิ่มขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
ภายหลังการฉายรังสีบริเวณช่องปากและลำคอครบตามแผนการรักษา
การบริหารบริเวณลำคอ ให้ทำเป็นประจำทุกวัน วันละประมาณ 10-15 นาที
1. หันหน้าไปทางซ้ายจนสุด และค่อย ๆ หันไปทางขวาจนสุดทำซ้ำประมาณ 20 ครั้ง
2. ก้มศรีษะจนคางชิดอก แล้วค่อย ๆ เงยศรีษะขึ้นจนสุดทำซ้ำๆ ประมาณ 20 ครั้ง
3. เอียงศรีษะให้ชิดไหล่ จนรู้สึกว่าคอตึง ทำสลับข้างกันประมาณ 20 ครั้ง
การนวดใบหน้าและลำคอ
วิธีนี้ให้เริ่มภายหลังการฉายรังสีครบไปแล้วอย่างน้อย 1 เดือน หรือสังเกตได้จากการที่ผิวหนังที่แห้งคล้ำลอกหลุดหมดแล้ว
ใช้มือทั้งสองวางแนบลงแก้ม ลงน้ำหนักเล็กน้อยแล้วเคลื่อนมือไปทางมุมปากโค้งขึ้นไปยังหูแล้วกลับมายังตำแหน่งเดิมยิ้มให้เห็นฟันในขณะเคลื่อนมือขึ้นและหยุดยิ้มเมื่อเคลื่อนมือลง ในการนวดนี้ควรให้มีการเคลื่อนของเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังไปพร้อม ๆ กับผิวหนังด้วยและให้นวดจนรู้สึกว่าหน้าอุ่น นอกากนี้ควรทำการนวดในบริเวณใต้คางและลำคออีกด้วยการใช้โลชั่นหรือครีมทาที่ผิดหนังจะทำให้นวดได้สะดวกขึ้น และยังเป็นการบำรุงผิดอีกด้วย
การมาตรวจตามแพทย์นัด
ท่านควรมาตรวจตามแพทย์นัดอย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้เพื่อ
1. ประเมินผลการรักษาด้วยรังสี และสามารถบอกได้ว่าการรักษาด้วยรังสีสำหรับผ้ป่วยรายนั้นๆ ได้ผลหรือไม่
2. ผู้ป่วยบางรายอาจมีผลแทรกซ้อนจากรังสีรักษา แพทย์จะอธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจและให้การรักษาเพื่อบรรเทาอาการได้
อาการผิดปกติที่ควรมาพบแพทย์
-
มีไข้สูง หนาวสั่น
-
เหนื่อยหอบ หายใจลำบาก
-
มีก้อนขึ้นมาใหม่ในบริเวณที่เคยฉายไปแล้ว หรือตำแหน่งอื่นๆ
-
มีแผลแตกเหมือนน้ำเหลืองออกใบบริเวณที่ฉายรังสี
-
อาการปวดที่ไม่ทุเลา โดยเฉพาะปวดเฉพาะที่แห่งเดียว
-
ถ้ามีอาการผิดปกติควรปรึกษาแพทย์ ไม่ควรซื้อยารับประทานเอง
Contact
Phone:
0 2576 6021 , 0 2576 6022
Fax:
E-mail:
Service Hours
ในเวลาทำการ:
วันจันทร์ | 08.00 - 16.00 น. |
วันอังคาร | 08.00 - 16.00 น. |
วันพุธ | 08.00 - 16.00 น. |
วันพฤหัสบดี | 08.00 - 16.00 น. |
วันศุกร์ | 08.00 - 16.00 น. |
นอกเวลาราชการ : ประจำเดือน ตุลาคม 2565
วันจันทร์ |
16.00 - 20.00 น. สัปดาห์ที่ 1,2,3,5 |
วันอังคาร | 16.00 - 20.00 น. |
วันพุธ | 16.00 - 20.00 น. |
วันพฤหัสบดี |
16.00 - 20.00 น. สัปดาห์ที่ 1,3,4 |
วันศุกร์ | 16.00 - 20.00 น. |
วันเสาร์ | - |
วันอาทิตย์ | - |
Location
ศูนย์รังสีรักษามะเร็งวิทยา
Contact
Phone:
0 2576 6021 , 0 2576 6022
Fax:
E-mail:
Service Hours
วันจันทร์-วันศุกร์:
กรณีพบแพทย์ 08.00 - 16.00 น.
วันจันทร์-วันศุกร์:
กรณีฉายแสง 08.00 - 20.00 น.
วันเสาร์:
08.00 - 12.00 น.
Location
ศูนย์รังสีรักษามะเร็งวิทยา